Wellcom to My Blogger E-Portfolio Subject to the science Experiences Management for Early Childhood By ubon suksoie NO. 31

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ครั้งที่ 4

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม 2556
เวลา 8.30 - 12.20 น.




- อาจารย์ให้พับกระดาษแบ่งออกเป็น 8 แผ่น แล้วก็วาดรูปที่มุมกระดาษ โดยให้เราวาดตามจินตนาการและให้สังเกตว่าภาพที่เราวาดนั้นเคลื่อนไหวได้อย่างไร (ข้าพเจ้าวาดรูปดอกไม้) ดังภาพที่ปรากฏนี้




                                           สมุดภาพเคลื่อนไหว (ดอกไม้)




- (อาจารย์ให้หาคำตอบว่าทำไม? เราจึงเห็นภาพเหมือนเคลื่อนไหวได้เมื่อกรีดกระดาษไวๆ)

- อาจารย์ให้ดูวีดีโอเรื่อง อากาศมหัศจรรย์




ความรู้ที่ได้จากการดูวีดีโอเรื่อง อากาศมหัศจรรย์


-ใบไม้ล่วงมาได้อย่างไร- เพราะลม ลมคืออากาศที่เคลื่อนที่ได้ รอบตัวเรามีสิ่งที่เรียกว่าอากาศ อากาศมีได้ทุกที่ รอบตัวเรามีอากาศอยู่ด้วยแต่จับต้องไม่ได้ อากาศไม่มีสี ไม่มีรสชาติ และไม่มีกลิ่น แต่อากาศจะแทรกตัวอยู่ทุกๆที่ รอบๆ ตัวเรา


- บนพื้นโลกมีลมพัดตลอดเวลา บนพื้นโลกจะมีความร้อนไม่เท่ากัน อากาศร้อนบนพื้นจะดันลอยให้อากาศขึ้นมา อากาศเย็นของน้ำจึงเข้ามาแทนที่ และแต่ละที่มีความร้อนเย็นต่างกัน ลมพัดตามมาเข้าบ้านตามทิศทางอากาศซึ่งอากาศร้อนจะมีน้ำหนักเบากว่าอากาศเย็น อากาศจะมีการปรับสมดุลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “ลม”

ประโยชน์ของลม


  อากาศที่เคลื่อนที่ย่อมเกิดพลัง เราใช้ประโยชน์จาก พลังของลมได้หลายทางเช่น ใช้หมุนกังหันลม เพื่อช่วย บดข้าวโพด ให้เป็นแป้งหรือ เพื่อการผลิต กระแสไฟฟ้า ใช้หมุนกังหันวิดน้ำ และใช้สำหรับ การแล่นเรือใบเป็นต้น 

- อาจารย์ให้ออกไปPresent “ของเล่นวิทยาศาสตร์” ของแต่ละคน (ซึ่งของดิฉันนำเสนอ จรวดอวกาศ)

งานที่ได้รับมอบหมาย


       อาจารย์ให้ไปศึกษาว่าทำไมเวลาเราเคลื่อนไหวอะไรเร็วๆ ภาพถึงเคลื่อนไหวหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเรื่อยๆ


สิ่งที่ค้นคว้าเพิ่มเติม



  โดยอาศัยหลักการที่เรียกว่า "ภาพติดตา" (Persistence of Vision) หลักการที่อธิบายถึงการมองภาพต่อเนื่องของสายตามนุษย์ หรือการเห็นภาพติดตา คิดค้นขึ้นมาโดย Dr. John Ayrton Paris นักทฤษฎี และ แพทย์ ชาวอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1824





John Ayrton Paris

เนื้อหาของทฤษฎีดังกล่าว อธิบายหลัก ธรรมชาติ ของสายตามนุษย์ในการมองเห็นภาพใดภาพหนึ่งแล้ว หากภาพนั้นหายไป สายตามนุษย์จะยังคงรักษาภาพไว้ที่เรติน่าเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 1/15 วินาที (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงนี้)


ถ้าหากภายในระยะเวลาดังกล่าวมีอีกภาพแทรกเข้ามาแทนที่ สมองของมนุษย์จะทำการเชื่อมโยงสองภาพเข้าด้วยกัน และจะทำหน้าที่ดังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ หากมีภาพต่อไปปรากฎในเวลาใกล้เคียงกัน





Thaumatrope


 ใน กรณีที่ภาพแต่ละภาพที่มองเห็น เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องในลักษณะของการเคลื่อนไหว เมื่อนำมาเรียงต่อกันในระยะเวลากระชั้นชิด ภาพที่เห็นจะกลายเป็นภาพเคลื่อนไหว





ภาพม้า 12 ภาพต่อวินาที

ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=navagan&month=10-2008&date=03&group=5&gblog=4

ความรู้เพิ่มเติม
ความหมายและหลักการเกิดภาพเคลื่อนไหว
ปรากฏการณ์ลมฟ้าอากาศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น